วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ไก่ดำตุ๋นยาจีน



แวะไปชมอาหารอย่างอื่นที่เราทำได้ที่ >>http://www.facebook.com/Food.By.Rita
*****************************************************************
ที่จริงยาจีนที่เราซื้อมาเนี่ย ตุ๋นไก่ได้ถึง 2-3 ตัวเลยนะคะ
แต่ว่าเราอยากได้ยาจีนเข้มข้น เพราะแฟนป่วยอยู่ เลยใส่ซะเยอะ
ตอนตักไก่ดำเสริฟในชามเล็ก เราต้องผสมน้ำเพิ่มไม่งั้นคุณแฟนหม่ำไม่ได้ค่ะ เพราะกลิ่นยาจีนแรงมาก ^ ^"
แต่แฟนก็ชอบยาจีนมากๆๆ เคี้ยวยาจีนหยับๆ ซึ่งเราเป็นคนจีนกินยาจีนตั้งแต่เด็กยังทำไม่ได้เลยค่ะ

วิธีที่เราทำนี้คือเราต้องการเสริฟขึ้นโต๊ะทั้งตัวค่ะ เลยนำไปนึ่งในซึ้ง
ใครจะใช้หม้อตุ๋นตามปกติก็ได้นะคะ ^ ^
*****************************************************************

เครื่องปรุง+วัตถุดิบ
ยาจีน (ที่จริงยาจีนที่ได้มาเนี่ย ตุ๋นไก่ได้ 2-3 ตัวเลยนะ แต่เราต้องการบำรุงแฟน เค้าป่วยน่ะ เลยใส่ยาจีนไปหมดเลย)
ไก่ดำ
เห็ดหอมแห้ง
เกลือแกง
**ไก่ดำเราซื้อที่แมคโคร ตัวละ 155 บาทค่ะ
**ใช้ยาจีนแบบที่หาซื้อได้ในห้างทั่วไปก็ได้นะคะ
***พอดีหน้าบ้านเป็นร้านยาจีน ก็เลยไปอุดหนุนเค้าหน่อยราคา 140 บาท ตัวยามี 14 ชนิดดังนี้นะคะ
ฮวยซัง, อังจ้อ, ปักคี้, ตังเซียม, ตังกุย, เง็กเต็ก, อึ่งเจ็ง, เก๋ากี๊, ชวงเกียง, แปะตุ๊ก, แปะเจียก


ละลายไก่ดำก่อน เพราะต้องเอาเครื่องในที่เค้าใส่ถุงแล้วนำมาใส่ในตัวไก่ออกก่อน แข็งๆมันดึงไม่ออกน่ะ
นำยาจีนไปล้างพวกฝุ่นออกนะคะ ยกเว้นเก๋ากี๊
นำเห็ดหอมไปล้างฝุ่นแล้วก็แช่น้ำให้พองตัวค่ะ


ตั้งน้ำร้อนในซึ้งให้เดือด
นำไก่ดำ+ยาจีน+เห็ดหอม ใส่รวมกันในชามเซรามิคใบใหญ่ (หรือหม้อก็ได้)
เกลือไม่ต้องใส่เยอะนะคะ เดี๋ยวจะเค็มจัด เราค่อยใส่เพิ่มตอนเสร็จแล้วก็ได้ค่ะ
**ต้องใส่น้ำให้ท่วมตัวไก่นะคะ เพราะส่วนที่ไม่โดนน้ำจะไม่เปื่อยค่ะ


นำถ้วยเมื่อสักครู่วางบนซึ้ง อย่าลืมปิดฝาถ้วยไก่ตุ๋นนะจ๊ะ
แล้วก็ไฟอ่อน แบบต้องอ่อนมากๆจริงๆนะ ไม่งั้นจะมีฟองออกมาจากตัวไก่ ทำให้น้ำซุปขุ่นและคาวได้
ปิดฝาซึ้งค่ะ แล้วรอ 3-4 ชั่วโมง
**จะตุ๋นในหม้อธรรมดาหรือหม้อหุงข้าวก็ได้นะคะ พอดีเราอยากเสริฟเป็นตัวๆบนโต๊ะ เลยใช้วิธีนำไปนึ่งค่ะ
แต่สุดท้ายก็ต้องตักแบ่งใส่ถ้วยเล็กอยู่ดี 555


หลังจากผ่านไป 4 ชั่วโมง ก็ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้


แล้วเราก็ล้างเก๋ากี้ที่แยกไว้ในตอนแรกลงไป
ปิดฝานึ่งต่ออีก 10 นาที


มาหม่ำไก่ตุ๋นด้วยกันมั๊ยคะ ^ ^


**ไก่ดำเนี่ยทั้งเครื่องในทั้งกระดูกจะดำหมดเลยนะคะ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะรู้สึกไม่น่ารับประทาน
เนื้อไก่ดำจะแน่นเหมือนไก่บ้าน และน้ำซุปเข้มข้นดีมากเลย เค้าว่ากันว่าไก่ดำบำรุงร่างกายดีนักแหล่ะ

***ไก่ดำสามารถนำไปทำอาหารอื่นๆได้เหมือนไก่ธรรมดานะคะ
แต่ตัวเค้าจะเล็ก และราคาสูงกว่าไก่ธรรมดา ดังนั้นใช้ไก่ธรรมดาทำอาหารอย่างอื่นดีกว่าเนอะ ^ ^"

กระดูกหมู+ไชเท้าตุ๋นยาจีน


เค้าว่ากันว่าไชเท้า ผักกาดขาวจะล้างยาจีนล่ะ ทำให้ฤทธิ์ยาจีนอ่อนลง
ดังนั้นใครจะใส่ยาจีนจะไม่ใส่ไชเท้าก็ได้ หรือใส่ไชเท้าแล้วก็ไม่ใส่ยาจีนก็ได้
แต่เราชอบอ่ะ ก็มันอร่อยนี่นา T^T

แวะไปชมอาหารอย่างอื่นของเราได้ที่ >>http://www.facebook.com/Food.By.Rita
****************************************************
เครื่องปรุง+วัตถุดิบ
ยาจีน (ยี่ห้อไหนก็ได้ตามชอบ)
กระดูกซี่โครงหมู
หัวไชเท้า
เห็ดหอมแห้ง
เกลือ
น้ำเปล่า


นำเห็ดหอมไปล้างให้สะอาดแล้วแช่น้ำไว้
ส่วนภาพขวาไม่มีไรให้ดูยาจีนในซองเฉยๆ อิอิ
เราซื้อหัวไชเท้าจากร้านรถขายผักหน้าร้าน ราคา 2 หัวแค่ 10 บาทเอง
เราลองชิมหัวไชเท้าดูแล้วมีรสชาติที่ค่อนข้างเผ็ด เราเลยต้องเอาไปต้มน้ำทิ้งรอบนึงก่อน
ต้มหัวไชเท้าไปสัก 10 นาทีแล้วเทน้ำทิ้งพักไว้ก่อน
**ใครใช้หัวไชเท้าญี่ปุ่นหรือลองชิมแล้วไม่มีรสชาติเผ็ดก็ไม่ต้องต้มน้ำทิ้งก็ได้นะคะ
***เรา ไม่เชื่อ Fwm ที่ว่ากินน้ำแช่เห็ดหอมแล้วจะอันตรายล่ะ เพราะยายเราก็กินตั้งแต่สาวจนตอนนี้ 80 กว่าเข้าไปแล้ว ก็ยังแข็งแรงดีไม่ป่วยไม่ไข้ เรียกได้ว่าแข็งแรงมากด้วย


นำกระดูกซี่โครงหมูไปล้างให้สะอาดแล้วใส่น้ำต้มไฟแรงไปเลย
พอน้ำเดือดก็ตักฟองทิ้งให้หมด
เติมเกลือ ชิมรสตามชอบ ไม่ต้องเค็มจัดไว้พอเสร็จแล้วค่อยชิมรสอีกที รสอ่อนค่อยเติม(แต่เค็มจัดแล้วจะแก้ไม่ได้นะจ๊ะ)
หลังจากเติมเกลือแล้วก็ใส่เห็ดหอม+น้ำเห็ดหอม และยาจีน (ยกเว้นเก๋ากี้เม็ดแดงๆนะ) ให้ปิดฝาแล้วปรับเป็นไฟอ่อน ตุ๋นไปสัก 1 ชั่วโมง
พอผ่านไปสัก 1 ชั่วโมง ให้เปิดฝาแล้วใส่หัวไชเท้าลงไป ปิดฝากลับแล้วตุ๋นต่อไปอีกสักครึ่งชั่วโมง
พอหมูนิ่มและหัวไชเท้านิ่มได้ที่เราก็ค่อยเติมเก๋ากี๊ลงไป ปิดฝาตุ๋นต่อไปอีก 10-15 นาที
**ที่ให้ใส่เก๋ากี๊ทีหลังเพราะว่ามันเปื่อยง่ายจ๊ะ ต้มแค่แป๊บเดียวก็ได้


ตุ๋นได้ที่แล้ววววว
ชิมรสชาติเอานะ ถ้ายังไม่รสชาติยังไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็ให้เติมเกลือ หรือซีอิ้วขาวลงไปก็ได้
**ถ้ารสชาติไม่ออกหวานเท่าไหร่เราก็เติมน้ำตาลลงไปนิดนึงก็ได้นะจ๊ะ ไม่ผิดกติกา


เสร็จแล้ววว


นี่ไม่ได้ใส่ซีอิ้วนะ สีเข้มๆนี่มาจากเห็ดหอมล่ะ


ไก่+ไชเท้าตุ๋นยาจีน
เปลี่ยนจากกระดูกหมูมาเป็นปีกไก่บนดูบ้าง อร่อยไปอีกแบบ
แต่ว่านะ จากที่เราเคยต้มน้ำซุปมา ระหว่างโครงไก่กับกระดูกหมู และกระดูกวัว
ถ้าเราใช้แค่เกลืออย่างเดียว ในการตุ๋นไก่จะไม่เพียงพอ เพราะว่ารสชาติไม่เข้มข้น
เราคิดว่าเป็นเพราะไก่มีรสชาติที่ค่อนข้างจืดกว่าเนื้อหมูหรือเนื้อวัวล่ะ
เราสามารถเติมซุปไก่ก้อนลงไป หรือจะไม่ใช้เกลือแต่แรกใช้แต่ซุปก้อนอย่างเดียวก็ได้
จะได้รสชาติที่ดีกว่าใช้เกลือเพียงอย่างเดียว
แต่ถ้าเป็นพวกกระดูกหมู ใช้แค่เกลืออย่างเดียวไม่ต้องเติมพวกซุปก้อนลงไปเลย ก็จะได้รสชาติที่เข้มข้นอร่อยมากๆอยุ่แล้ว
พวกกระดูกวัวก็ไม่ต้องเติมพวกซุปก้อนลงไปเช่นกัน รสชาติเข้มข้นอยู่แล้ว

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หมูคั่วเค็ม

แวะไปชมอาหารอย่างอื่นของเราได้ที่ >>http://www.facebook.com/Food.By.Rita


เห็นเฮียแมวทำแล้วเกิดอยากกิน เลยไปหาวิธีทำจากอากู๋

เห็นคุณตะโก แห่งพันทิปก้นครัวทำ แต่ไม่ได้บอกสัดส่วนของหมูและเกลือ

เลยมาลองกะๆเอาเอง หวังว่าถ้าใครไปลองทำตามจะถูกปากนะ ^ ^


หมูสามชั้น 1/2 กิโลกรัม
เกลือแกง 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมบุบ ตามชอบ

**หมูสามชั้นหั่นชิ้นหนาหน่อยนะคะ ไม่งั้นพอคั่วเสร็จชิ้นจะเล็กลง เคี้ยวไม่อร่อย

***เพิ่มลดเกลือได้ตามชอบนะคะ

****หากใช้เกลือปรุงทิพต้องลดปริมาณลงอย่างมาก เพราะเกลือปรุงทิพเค็มจัด เค็มมากกว่าเกลือแกง


นำหมูสามชั้นใส่กระทะ คั่วด้วยไฟกลาง พอหมูสุกและเริ่มเกรียมก็ให้หมั่นคนไปเรื่อยๆ เพราะไม่งั้นหมูจะไหม้ได้

พอหมูเกรียมได้ที่ตามชอบแล้วก็ให้ใส่เกลือลงไป คนให้เข้ากัน

สุดท้ายจึงใส่กระเทียมลงไป ผัดๆให้เข้ากัน ระวังนิดนึงเพราะกระเทียมจะไหม้ไวมากกกก


เสร็จแล้วจ้า


หม่ำด้วยกันมั๊ยจ๊ะ


พร้อมเสริฟจ๊ะ


หมูคั่วเค็มนี่อร่อยดีนะ เวลาเคี้ยวหนุบๆดี เค็มๆมันๆกินกับข้าวได้หลายจานเลย

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เนื้อผัดน้ำมันหอย


แวะไปชมอาหารอย่างอื่นของเราได้ที่ http://www.facebook.com/Food.By.Rita
*****************************************************
สำคัญที่การหมักเนื้อนะคะ ถ้าเนื้อเหนียวจานนี้จะไม่อร่อยไปเลย

แต่ ถ้าใครใช้เนื้อวัวดีๆ เนื้อนุ่มก็ไม่ต้องหมักค่ะ แต่ว่าเราไม่ซื้อเนื้อวัวดีๆมาทำหรอก เปลืองอ่ะเอาไปทำเนื้อย่างหรือสุกี้ดีกว่า ^0^

********************************************************
เมนูนี้เราอยากกิน พอบอกแฟนว่าจะทำนะ แฟนทำหน้าเหม็นเบื่อมาก

แต่พอทำเสร็จ แฟนฟาดเรียบ มีหน้ามาบอกอีกว่าอร่อยดีนะ

เลยถามไปว่าเคยกินหรือเปล่าเนี่ย ฮีบอกว่าไม่เคยกินเมนูนี้มาก่อน แล้วทีแรกทำหน้าเหม็นเบื่อซะงั้น -.-"

*****************************************************

ป.ล. เมนูนี้ทำไว้ก่อนช่วงกินเจนะคะ ตอนนี้จะขอลงของเก่าที่ทำๆไว้ให้หมดก่อนนะคะ ดองไว้เยอะเลย


***************************************************

แวะไปชมอาหารอย่างอื่นของเราได้ที่ >>http://www.facebook.com/Food.By.Rita

เครื่องปรุง

น้ำมันพืช(น้ำมันหมูก็ได้)
เบกกิ้งโซดา
แป้งข้าวโพด
น้ำมันหอย
ซีอิ้วขาว
น้ำมันงา
น้ำตาลทราย
น้ำเปล่า

*******************************************************

ใครอยากทราบว่าขวดที่เป็นภาษาจีนนี่มันคืออะไรบ้างแวะเข้าไปชมได้ที่

เครื่องปรุง+วัตถุดิบจีน>> http://www.facebook.com/media/set/?set=a.343889859028835.82897.103473473070476&type=3


วัตถุดิบ

กระเทียมบุบ
เนื้อวัวหั่น (เนื้อสัตว์อย่างอื่นก็ได้นะคะ)
ต้นหอมหั่น
พริกชี้ฟ้าหั่น


เนื้อวัวที่เราซื้อมาครั้งนี้ไม่ใช่เนื้อชั้นดี ดังนั้นเนื้อจึงค่อนไปทางเหนียวมาก

เนื้อผัดน้ำมันหอย ถ้าเนื้อเหนียวอาหารจานนี้จะไม่อร่อยไปเลย

เรา จึงต้องใส่เบกกิ้งโซดาในการหมักเนื้อ เพื่อให้เนื้อนิ่ม แต่อย่าใส่เยอะ เพราะถ้าใส่เยอะเนื้อจะรสชาติแปลกๆ มันจะทำให้รสชาติของเนื้อเสียไป (ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไรก็ตาม

เติมน้ำมันหอยลงไป เยอะหน่อยก็ได้เพราะว่าจะให้น้ำมันหอยเป็นพระเอก

เติม ซีอิ้วขาวลงไปนิดหน่อย ซีอิ้วขาวจีนรสจะไม่จัดเท่าซีอิ้วขาวไทย ดังนั้นเราก็ใส่เยอะหน่อยได้ แต่ถ้าใช้ซีอิ้วขาวไทยก็ลดปริมาณลงหน่อย เพราะมันเค็มจัด

ใส่น้ำตาลลงไปนิดเดียว ไม่ต้องเยอะ เอาไว้ตัดรสชาติ

ใส่แป้งข้าวโพดลงไป ไม่ต้องเยอะมาก แค่พอให้น้ำข้นขึ้น

เติมน้ำมันงาเพิ่มกลิ่นหอม และช่วยให้เนื้อนุ่มขึ้น

**ใครกังวลว่าจะปรุุงรสออกมาไม่ได้ดี ก็ให้ปรุงรสอ่อนๆ เพื่อหมักเนื้อให้นุ่มอย่างเดียว

ไว้ไปปรุงรสอีกทีตอนอยู่ในกระทะเพิ่มก็ได้ค่ะ


คลุกๆๆ หน้าตาออกมาเป็นแบบนี้

เราเอาไปแช่ตู้เย็น หมักทิ้งไว้ชั่วโมงนึงไปเลย

**ใช้มือขยำๆดีกว่าใช้ช้อนคลุกนะคะ เพราะใช้ช้อนคลุกแล้วบางทีรสชาติไม่กระจาย เค็มเป็นหย่อมๆก็เคยมาแล้ว -*-


หลังจากหมักเนื้อได้ที่แล้วเราก็มาเริ่มทำกันดีกว่า

เจียวกระเทียมกับน้ำมันให้พอหอม

จากนั้นก็ใส่เนื้อลงไปผัด

พอเนื้อเริ่มสุกให้ลองชิมดูว่ารสชาติได้ที่หรือยัง ถ้ายังก็ปรุงเพิ่มเอาตอนนี้เลย

ใส่น้ำเปล่าลงไปนิดหน่อยเพื่อให้มีน้ำขลุกขลิก

พอน้ำเริ่มข้นแล้วก็ใส่ต้นหอม+พริกชี้ฟ้าลงไปผัดสองสามทีแล้วก็ปิดไฟเลย


หน้าตาออกมาเป็นเยี่ยงนี้

เห็นน้ำเยอะๆงี้ไม่ต้องซีเรียส เพราะจริงๆแล้วน้ำมันข้นคล้ายๆน้ำราดหน้านั่นแหล่ะ

แล้วพอตักลงจานดูก็จะเห็นว่าน้ำมันก็ไม่เยอะมากด้วย


ตักเสริฟแล้วนี่ตักน้ำมาหมดแล้วนะ ยังไม่เจิ่งนอง อย่างที่บอกเพราะน้ำมันข้นนิดๆน่ะ

เนื้อนุ่มและมีกลิ่นหอมของน้ำมันงา


ลากันด้วยภาพนี้ค่ะ

กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา

วันก่อนนู้นไปกินข้าวกับเพื่อน แล้วเพื่อนสั่งกะหล่ำปลีทอดน้ำปลามา

ร้านนั้นกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาจานละ 120 บาท (แพงจริงๆ)

เราก็อยากรู้ว่ามันจะอร่อยขนาดไหน เลยปล่อยให้เพื่อนสั่งมาลอง

พอได้ลองกินก็รู้ว่ามันกรอบดี และหอมดีนะ มีกลิ่นซีอิ้วไหม้ด้วย ไหนว่าทอดน้ำปลาไง ทำไมมีกลิ่นซีอิ้วล่ะเนี่ย

สมัยประถม เรียนที่เขมะสิริอนุสสรณ์(สมัยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน) ก็กินบ่อยๆมากๆ ที่โรงเรียนเค้าทำทุกอาทิตย์เลย

สงสัยเพราะเค้าผัดเยอะ ผักเลยเหี่ยวไม่และมีแต่รสเค็มอย่างเดียว

เนื่องจากว่ารสชาติในความทรงจำมันไม่อร่อยเลย เลยไม่เคยคิดจะทำเลยสักครั้ง

แต่พอได้ไปลองร้านนี้ก็รู้สึกว่าอร่อยดี ลองกลับมาทำดูดีกว่า ต้นทุนคงไม่น่าเกิน 20 บาทหรอก

เลยได้ออกมาเป็นจานนี้ค่ะ

แวะไปชมอาหารอย่างอื่นของเราได้ที่ http://www.facebook.com/Food.By.Rita
*****************************************************
แต่หากคุณมีกระทะเหล็กก้นลึก ไม่ใช่กระทะเทฟล่อนแบบเรา ก็สามารถทำแบบง่ายๆได้โดย

ตั้งกระทะให้ร้อนจนควันขึ้น แล้วเทกะหล่ำปลีลงไป ผัดให้ไหม้เล็กน้อย(เพิ่มความหอม) และเหยาะน้ำปลาลงไปตามชอบ

แค่นี้ก็จะได้กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาที่ทั้งอร่อยและง่ายได้แล้วค่ะ

ส่วนผสมจะมีแค่ กะหล่ำปลี น้ำมัน และน้ำปลาเท่านั้นค่ะ ^ ^

**********************

วัตถุดิบ

กะหล่ำปลี
กระเทียม

**
เราใช้กะหล่ำปลีครึ่งเดียวค่ะ ที่เหลือเก็บไว้กินแกล้มกับแหนมกระดูกอ่อน^0^


ส่วนผสม

น้ำปลา
น้ำตาล
น้ำเปล่า
ซีอิ้วขาว
น้ำมัน


ขั้นแรกเรามาผสมน้ำปรุงรสไว้ก่อนเลยนะคะ

ใส่น้ำเปล่าลงไปก่อน

จากนั้นก็ตามด้วยน้ำปลา

ใส่น้ำตาลลงไปตัดรสตามชอบ

ส่วนซีอิ้วขาวใส่แค่นิดเดียวนะคะ เอาแค่มีกลิ่น แต่ไม่ให้รสชาติไปตีกับน้ำปลา

**
จากที่ลองทำเราว่าใส่แต่น้ำปลาอย่างเดียวกลิ่นจะไม่หอมมาก แต่หากใส่ซีอิ้วลงไปด้วยจะมีกลิ่นซีอิ้วไหม้เล็กๆ ทำให้หอมยิ่งขึ้นค่ะ

***
อ่อ อย่าลืมชิมด้วยล่ะ อย่าให้รสจัดเกินไปนักนะคะ ต้องคิดถึงตอนที่น้ำระเหยออกไปตอนโดนความร้อนด้วย


หั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้นๆ แล้วก็แกะๆแยกใบออกจากกัน แล้วนำไปล้างน้ำค่ะ

สะเด็ดน้ำให้แห้ง ไม่อย่างนั้นตอนผัดจะทำให้น้ำท่วมผักได้ค่ะ


นำกระเทียมไปผัดกับน้ำมันนิดนึง แค่พอมีกลิ่นกระเทียมออกมา

ไม่ต้องผัดให้เหลืองนะคะ ไม่งั้นหลังจากใส่กะหล่ำปลีลงไปผัด กระเทียมจะไหม้ได้ค่ะ (เจอมาแล้ว ขมอีกตะหาก -*-)


พอกระเทียมเริ่มมีกลิ่นหอม ก็เทกะหล่ำปลีลงไปเลยค่ะ


พลิกตะหลิ๋วเร็วๆ สองสามทีให้น้ำมันเคลือบกะหล่ำปลี และให้กะหล่ำปลีสุกนิดนึง

**
เอ่อ มัวแต่ถ่ายรูป กะหล่ำปลีแอบไหม้นิดนึงเลย -*-


จากนั้นก็เทน้ำปรุงรสลงไปเลย

หลังจากเทแล้วก็รีบผัดไวๆนะคะ แล้วก็เอาขึ้นเลย

ไม่งั้นกะหล่ำปลีจะไม่กรอบกรุบค่ะ เพราะไอน้ำจะทำให้ผักนิ่มหมดค่ะ


หลังจากผัดให้เข้ากันแล้ว ก็ปิดไฟเตรียมจัดลงจานเลย


ได้มาหน้าตาแบบนี้ค่ะ

แอบเห็นกะหล่ำปลีไหม้ด้วย เขินนนนนนนนน


หลังจากลองชิม มีกลิ่นหอมของซีอิ้วไหม้ กะหล่ำปลีก็กรุบๆดี

รสชาติก็ได้อย่างที่ต้องการ โดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบค่ะ

หม่ำด้วยกันมั๊ยคะ


กะหล่ำปลีที่เหลือเอามาแกล้มอันนี้ อิอิ

หมูบดปั้นทอดกระเทียมพริกไทย


แวะไปชมอาหารอย่างอื่นของเราได้ที่ http://www.facebook.com/Food.By.Rita
*****************************************************
วัตถุดิบ

หมูบด หรือ เนื้อบด
เกล็ดขนมปัง หรือ แป้งสาลี
ไข่ไก่
กระเทียม
รากผักชี

**
ที่เราใส่ใบและก้านผักชีลงไปด้วย เพราะว่ามันเหลือน่ะค่ะ จะเก็บไว้ก็กลัวจะเหี่ยว เสียดายของเลยใส่ไปซะให้หมด


เครื่องปรุง

ซีอิ้ว
น้ำมันหอย
น้ำตาล
พริกไทย


ลืมน้ำมันพืชไว้ทอดอีกอย่าง


จากนั้นก็นำ

หมูบด
เกล็ดขนมปัง
ไข่ไก่
กระเทียม
รากผักชี

มา ผสมกันไว้ ถ้าใครมีครกหรือเครื่องปั่น ก็ให้นำพวกผักไปปั่นก่อน แต่ไม่แนะนำให้ใส่เนื้อหมูไปด้วยระหว่างปั่นหรือบด เพราะมันจะได้สัมผัสกลายเป็นลูกชิ้นไป

ของเราไม่กล้าตำหรือปั่น กลัวเสียงดังรบกวนห้องข้างๆค่ะ

**ผักชีที่เหลือๆเยอะขนาดไหนก็ดูเอาจากในรูป ใส่ซะหมดเลย แต่ตามปกติไม่ต้องใส่ขนาดนี้นะคะ


คลุกๆๆให้เข้ากัน


จากนั้นก็ใส่ ซีอิ้วขาว+ซอสหอยนางรม+น้ำตาล+พริกไทยลงไป

แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน

ส่วนรสชาติน่ะนะ คนอื่นทำไงไม่รู้ แต่เราใช้วิธีลองเลียนิ้วหลังจากคลุกแล้วอ่ะ ชิมๆรสเอา


พอคลุกๆได้ที่แล้วก็มาปั้นเป็นชิ้นๆ ตามใจชอบ

เอาไปคลุกเกล็ดขนมปังทอดก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ


ตั้งน้ำมันไฟแรงๆเลยค่ะ


พอน้ำมันร้อนก็หรี่ไฟลงซะหน่อย แล้วก็วางเนื้อหมูเรียงลงไปเลย

ที่ให้หรี่ไฟเพราะว่าถ้าใช้ไฟแรงทอดล่ะก็กว่าด้านในจะสุกด้านนอกก็ไหม้หมดล่ะ


รอสักแป๊บให้หมูเริ่มสุก มันจะเซ็ตตัว เวลาพลิกกลับมันก็จะไม่แตก

ลืมบอกไปว่าการใส่ใบผักชีลงไปเนี่ย มันจะทำให้ปั้นยากนิดนึง มันคอยแต่จะแตกน่ะค่ะ


พอสุกแล้วก็นำมาสะเด็ดน้ำมันซะหน่อย

ถ้าใครมีกระดาษที่ไว้ซับน้ำมันจะสะดวกมากเลย พอดีของเราหมดแล้วยังไม่ได้ไปซื้อมาใหม่ เลยวางให้สะเด็ดน้ำมันแทน


สะเด็ดน้ำมันได้ที่ก็จัดลงจานเลย

หม่ำร้อนๆกับข้าวสวยก็อร่อยนะคะ แต่เราว่าหม่ำกับข้าวเหนียวอร่อยกว่า


หม่ำด้วยกันมั๊ยล่ะคะ